เปิดฉากมาที่เช้าวันสดใสในย่าน
ทว่าสิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือ จดหมายที่ส่งมาถึงเขานั้น ระบุว่าเขาก็คือ Steve Rogers!!! Captain
ทุกสิ่งดูจะแปลกประหลาดยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ก้าวออกมาจากอพาร์ทเมนท์ รอบตัวเขาประกอบไปด้วยเด็กชายอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบที่กำลังยืดแขนหยอกล้อกับเด็กผู้หญิงอายุไม่ต่างกันที่มีสามตา และเพื่อนผู้ชายอีกคนที่สามารถบินได้ เป้ที่สะพายอยู่บ่งบอกว่าเด็กพวกนี้กำลังเดินทางไปโรงเรียนกัน นักธุรกิจหนุ่มสองคนที่กำลังเดินคุยกัน โดยที่นักธุรกิจคนหนึ่งมีไฟลุกอยู่ท่วมตัว หรือถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะบอกว่าเขาสามารถปล่อยไฟออกมาจากตัวได้มากกว่า หญิงสาวผิวดำที่กำลังเหาะอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ทันนัดหมาย ธิดาช้างที่มีปีกอยู่ข้างหลัง และผู้คนประหลาดๆมากมาย เพียงแค่มองก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคือมนุษย์กลายพันธุ์ แต่เพราะอะไรกัน แม้ปัจจุบันเหล่ามิวแทนท์จะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีมิวแทนท์มากมายขนาดนี้ออกมาเดินสบายอารมณ์ในเขตชุมชน ยิ่งการเข้าเรียนโรงเรียนปกติ หรือทำงานเหมือนคนทั่วไปยิ่งเป็นไปได้ยากใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่
“โย่ พวกเรา นั่นเขานี่” เด็กชายที่ยืดแขนได้ ชี้ให้เพื่อนของเขามาดู Steve Rogers
เด็กทั้งสามจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงราวกับกำลังมองตำนานที่มีชีวิตอยู่ Steve หันมามองเด็กทั้งสามอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
ฉากถูกตัดมาที่
“อันดับหนึ่งใน Box Office สัปดาห์นี้ได้แก่ ผู้หญิง 5 บาปสอง(เอ่อ ที่จริงมันชื่อเรื่อง Funny Valentine) นำแสดงโดยสุดยอดขวัญใจชาวอเมริกัน Mary Jane Watson ครับ เธอยังคงทำลายสถิ....” เสียงจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้ดังแทรกเข้ามา
“อรุณสวัสจ๊ะ Scott นี่ชั้นเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ขอโทษด้วยนะ” Emma Frost ภรรยาคนปัจจุบันของเขาเดินออกมาทักทายในสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน สภาพชุดนอนที่หลุดลุ่ย เผยให้เห็นเนินอก และต้นขาอันงดงามของเจ้าหล่อน
“อย่ากังวลไปเลย ก็คุณเหนื่อยมากนี่นา” Scott หันไปตอบศรีภรรยา
“นี่คุณ Summers ชั้นอ่านความคิดคุณได้นะ ชั้นรู้ว่าคุณโกหก ไว้ชั้นจะชดเชยให้ละกัน (เฮ้ย คุยอะไรกัน)” Emma ตอบพลางใช้มืออันบอบบางจับไปที่เน็กไทของสามีสุดที่รัก
หลังจากหยอกล้อกันอีกเล็กน้อย Emma ก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องงานของเธอที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กมีปัญหา โดยในวันนี้เธอต้องพบกับเด็กน้อยจากครอบครัว Richards ที่พ่อแม่ซึ่งเป็นนักบินอวกาศได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป (หมายความว่า Reed Richards กับ Susan Storm แห่ง The Fantastic Four เสียชีวิตแล้วอย่างนั้นเหรอ)
ภายนอกหน้าต่างบ้านของคู่รักทั้งสอง เราสามารถมองเห็นหุ่น Sentinels ที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์บินตรวจตราสภาพบ้านเมือง ราวกับเป็นเรื่องปกติ
ณ.ห้องส่งของรายการ Talk Show ชื่อดัง “Alison” Dazzler(Alison Blaire) มิวแทนท์ผู้สามารถเปลี่ยนเสียงให้เป็นแสงได้ พิธีกรชื่อดังประจำรายการกำลังแนะนำแขกรับเชิญสุดฮอตสำหรับเช้านี้ให้ผู้ชมทางบ้าน และในห้องส่งซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งนั้น ซึ่งแขกรับเชิญก็คือ
Wonder Man(Simon Williams) ดาราชื่อดังจากซีรี่ย์สุดฮิต “รักแห่งสยาม เดอะซีรี่”(ที่จริงชื่อเรื่อง Me and Mine) Simon ปรากฏตัวอย่างอลังการ โดยการปล่อยอนุภาค GN สีแดงออกมา ก่อนจะกลายเป็นร่างของเขานั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาข้างพิธีกร เมื่อเขามาถึงก็ถูกพิธีกรสาวถามถึงเรื่องวิดีโอคลิปหลุดของเขากับ Ms.Marvel(Carol Susan Jane Danvers)ทันที โดยไม่สนว่าหลังรายการเธออาจถูกฟันศอกเอาได้ (ที่จริงก็แค่ถามความสัมพันธ์กันธรรมดาแหละ)
“เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก” Simon ลอกคำตอบดาราชายไทยมา
“แหม เธอก็แค่เป็น Super Hero ที่ดังที่สุดในอเมริกาเท่านั้นเอง แถมเธอยังไม่ใช่....คุณก็รู้นี่ ด้วยซ้ำ”Alison แกล้งประชดผู้ร่วมรายการ
แน่นอนเมื่อเกริ่นนำขนาดนี้ ฉากต่อไปก็ถูกตัดไปยัง Carol Danvers ซึ่งกลายเป็น Super Hero ที่โด่งดังที่สุดในประเทศไปแล้ว ภายใต้ชื่อ Captain Marvel ระหว่างที่ฮีโร่สาวกำลังบินตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่นั้น เราสามารถมองเห็นมนุษย์กลายพันธุ์นักธุรกิจกำลังถือกระเป๋าเอกสาร เหาะไปทำงาน หรือคุณแม่บ้านตัวอ้วน กำลังเหาะไปส่งลูกที่โรงเรียน
ทันใดนั้นฮีโร่สาวก็สังเกตเห็น โจรมิวแทนท์สองคนกำลังขับรถหลบหนีการจับกุมของตำรวจอยู่ เธอโฉบลงไปหยุดรถของโจรร้ายอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะจับรถทั้งคันเขวี้ยงห่างออกไปหลายไมล์ เจ้าโจรคนหนึ่ง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือ Gambit (Remy LeBeau) ยังไม่ยอมแพ้ พยายามขว้างไพ่ที่อัดพลัง Kinetic ของเขาเข้าใส่ฮีโร่ชื่อดัง ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ และเขาก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย (ทำไมมันกากแบบนี้ แฟนๆของเขาคงต้องทำใจหน่อย)
และแล้วฮีโร่สาวก็บินจากไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจมาเก็บกวาดต่อ ซึ่งบริเวณที่ Gambit นอนสลบอยู่นั้น เป็นลานสนามหญ้าขนาดกว้าง ตรงกลางมือรูปปั้นศีรษะหุ่น Sentinels ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ราวกับเป็นอนุสรณ์อะไรซักอย่าง ที่ป้ายด้านล่างมีข้อความเขียนว่า “เลือดของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ไหลรินที่นี่ จะเป็นเลือดหยดสุดท้ายที่จะเสียให้กับสงคราม”
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าฮีโร่คนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ปกติ หรือมนุษย์กลายพันธุ์ที่เรารู้จักกันดี ต่างก็ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เราเคยรู้จักกันทุกคน โดยที่เขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับรูปแบบชีวิตของตนแต่อย่างใด
Kitty Pryde เธอกำลังสอนหนังสือให้เด็กๆในชั้นเรียนซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งนั้น เธอกำลังสอนนักเรียนเรื่องที่ Prince Namor(หน้าหม้อ) ถูกขนานนามว่าเป็นมิวแทนท์คนแรกของโลก
Luke Cage บัดนี้ได้กลายเป็นผู้นำแก๊งมนุษย์อันธพาล และก่อการร้ายใต้ดินที่มีอิทธิพลสูงสุด ซึ่งตั้งอยู่ ณ. Hell’s Kitchen ในมหานคร New York แก๊งของเขาประกอบไปด้วยเหล่ามนุษย์และยอดมนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งดูเหมือนในโลกที่แปลกประหลาดใบนี้มนุษย์ธรรมดาจะถูกเรียกว่า Sapiens(ก็มาจาก Homo Sapiens นั่นแหละ) อันได้แก่ Moon Knight (Marc Spector), Black Cat (Felicia Hardy), Iron Fist (Daniel Rand), Robert Bob Diamond, Misty Knight, White Tiger (Angela Del Toro), Cloak(Tyrone Johnson) และสุดท้าย....... ทว่าทุกคนล้วนแล้วแต่งกายเสมือนหนึ่งพวกแก๊งอันธพาลทั่วไป และดูเหมือนจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มาก่อน
Falcon(Sam Snap Wilson) เองก็กลายเป็นนักสืบเอกชน ที่มาตามสืบเรื่องการถูกโค่นอำนาจของอดีตเจ้าพ่ออาชญากรรมอย่าง KingPin กับ Luke Cage
หมอแปลก(Dr. Stephen Vincent Strange) ก็ผันตัวเองจากหมอผีมาเป็นหมอโรคจิต และคนไข้ของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือตัวประกอบ Sentry(Robert Reynolds) ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นแค่คนธรรมดาที่มีปัญหาจิตตกเรื่องที่เขารู้สึกว่าตัวเองถูกความมืดไล่ตามอยู่ตลอดเวลา และยังคิดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีพลังพิเศษขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้ด้วย
Colossus (Piotr Nikolaievitch Rasputin) เป็นชาวนาอยู่ในรัสเซีย (แต่ไม่ยักเป็นเกย์แฮะ)
ส่วน Beast(Hank McCoy) และ Yellowjacket(Dr. Henry Pym) ก็กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทของ Iron Man(Anthony Edward Tony Stark) โดย Hank กำลังพยายามห้ามไม่ให้ Dr. Henry ทำการวิจัยเกี่ยวกับยีนที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ เพราะมันเหมือนเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักทฤษฎีเรื่องความสูงส่งกว่าของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ซึ่งตัว Tony เองซึ่งเป็นหนึ่งในพวก Sapiens(มนุษย์ธรรมดา) เพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในโลกใบนี้ คงไม่ยอมเสี่ยงที่จะถูกเพ่งเล็งจากพวก Mutant(มนุษย์กลายพันธุ์) เป็นแน่ พร้อมกับปลอบใจว่าเขาเข้าใจดีว่า Henry รู้สึกอย่างไร ที่ต้องรับรู้ว่า อีกเพียง 2-3 ชั่วคน พวก Sapiens ก็จะค่อยๆสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ และโลกก็จะถูกแทนที่ด้วยพวก Mutant อย่างสมบูรณ์!!!
Storm (Ororo Iqadi T'Challa นามสกุลใหม่ตามสามี) สาวผิวสีแห่งทีม X-MEN ผู้ที่สามารถสั่งฟ้าสั่งฝนได้ ดูจะได้ดิบได้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะเธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่ง Kenyan โดยเราจะได้เห็นเธอกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่กับ Wasp(Janet van Dyne) ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังไปเสียแล้ว เพื่อที่จะหาชุดใส่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์ Magnus (House of Magnus)??? ราชวงศ์ Magnus? คืออะไรกัน มีความเกี่ยวสัมพันธ์อะไรกับ Magneto (Erik Magnus Lehnsherr) กันแน่?
ฉากสุดท้าย เราจะได้เห็นชายลึกลับผู้มีผมเผ้ายาวรกรุงรัง ดวงตาฉายแววป่าเถื่อนสภาพไม่ต่างไปจากสัตว์ร้าย กำลังถูกจับทดลองอยู่ในหลอดแก้ว ที่บรรจุของเหลวสีแปลกตาอยู่ สักพักชายลึกลับดังกล่าวก็สามารถพังหลอดแก้วออกมาได้ พร้อมกับตะโกนเสียงดังกึกก้อง เล็บเหล็กAdamantium อันแหลมคงที่ฝังไว้ที่แขนทั้งสองข้าง ทำให้เราสามารถจดจำได้ทันที่ว่าเขาก็คือ Wolverine!!! นั่นเอง
Wolverine สะดุ้งตื่นขึ้น ผมเผ้าของบุรุษผู้มีสัมผัสเฉียบคมราวสัตว์ป่ายังคงเรียบร้อยดีอยู่(ในแบบของเขา) หาได้ยาวรกรุงรังดังภาพที่เราเห็นเมื่อครู่ไม่ เสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับกางเกงลายทหารที่เจ้าตัวใส่อยู่ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าความฝันเมื่อครู่คือเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ James” เสียงหวานแหววของสตรีปริศนา ผู้มีผมสียาวแดงฉานและใบหน้าไม่ต่างไปจาก Jean Grey เมียเก่า Cyclops นางในดวงใจเพียงคนเดียวของเขาดังขึ้น ด้วยจิตใต้สำนึกที่บอกกับตัวเองว่าสตรีสุดเซ็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีทางที่จะเป็น Jean Grey ไปได้เพราะเธอได้จากไปนานแล้ว Wolverine จึงพุ่งเข้าใส่สตรีลึกลับคนดังกล่าว พร้อมกับกางเล็บเหล็กอันแข็งแกร่งเพื่อขมขู่สตรีปริศนาให้ตอบเขามาทันที ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่เขากลับต้องยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เมื่อสตรีคนดังกล่าวกลับเปลี่ยนร่างกลายเป็น Mystique (Raven Darkholme) มนุษย์กลายพันธุ์สาวลึกลับ ผู้สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามใจชอบนั่นเอง “เมื่อคืนไม่เห็นคุณว่าอะไรเลยนี่ นั่นมันแม่สาวผมแดงคนโปรดของคุณนะ” Mystique บ่นกับ Wolverine ด้วยสีหน้าแสดงความหงุดหงิดและประหลาดใจเล็กน้อย เธอพูดราวกับว่าเธอและเขาเป็นคู่รักที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมานานแล้วอย่างนั้นแหละ (มีแฟนเป็น Mystique นี่แหล่มจริงๆแหละ อยากได้ใคร เธอจัดให้ได้หมด อิอิ)
เพื่อต้องการเวลาตั้งสติ บุรุษผู้เป็นลูกรักของ Marvel จึงรีบลุกหนีออกจากห้องอย่างกับคนเสียสติ ระหว่างทาง เขาพบกับ Toad (Mortimer Toynbee) อดีตมิวแทนท์วายร้ายสุดกระจอก และ Spider-Woman (Jessica Drew) สมาชิก New Avengers รุ่นปัจจุบันผู้มีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบที่ดูคล้ายกับทหารประจำสำนักพระราชวังของราชวงศ์ชั้นสูงในแถบยุโรป ประดับประดาด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากแต่ชุดดังกล่าวดูคล่องตัวและทันสมัยกว่ามาก ทั้งสองคนกล่าวคำทักทายเขา ด้วยท่าทางเคารพราวกับว่าเขาคือผู้บัญชาการระดับสูง
เรื่องทั้งหมดทำให้ Wolverine ของเรายิ่งหัวหมุนหนักเข้าไปใหญ่ ถึงกับวิ่งตาลีตาเหลือกไปยังบานประตูที่มีแสงสาดส่องออกมา เพื่อที่จะหนีไปให้พ้นจากที่แห่งนี้ ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา กลับการเป็นฝูงบินรบขนาดมหึมา ประกอบไปด้วยเครื่องบินจำนวนนับไม่ถ้วน และหุ่น Sentinels รุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่ง และขาของเขาเองตอนนี้ก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนทรณี แต่กลับอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้าขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนจะเป็นฐานทัพของฝูงบินรบเหล่านี้ ทั้งตัวฐานทัพลอยฟ้าและเหล่าฝูงบินต่างติดธงที่มีสัญลักษณ์คล้ายตัว M ซึ่งในตอนนั้น Wolverine ยังมิอาจล่วงรู้ว่านั่นคือธงสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ Magnus หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ House of M!!!