SPOILER!!! House of M#2/8 – M Change the World

เปิดฉากมาที่เช้าวันสดใสในย่าน Bronx ชายชราวัยเกือบเก้าสิบผู้หนึ่ง กำลังเดินลงมาจากอพาร์ทเมนท์ของตนเองเพื่อมาเช็คจดหมายในตู้ เขาสวมหมวกแก๊ปสีขาวสลับแดง และเสื้อยืดสีขาว โดยมีแจ็คเก๊ตหนังสีน้ำเงินสวมทับอีกที ซึ่งสีทั้งสามล้วนเป็นสีของธงประจำชาติสหรัฐอเมริกา และเป็นสีประจำเครื่องแบบของฮีโร่ตัวแทนอเมริกาอีกด้วย

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือ จดหมายที่ส่งมาถึงเขานั้น ระบุว่าเขาก็คือ Steve Rogers!!! Captain America??? ทำไมฮีโร่ขวัญใจชาวอเมริกาถึงกลับกลายเป็นคนแก่ได้ในชั่วข้ามคืน อายุของเขาเพิ่มขึ้นราวกับว่าไม่เคยถูกแช่แข็งเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อนอย่างนั้นแหละ แต่ตัวเขาเองกลับไม่มีท่าทีตกใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าเขาได้ใช้ชีวิตตามปกติมาแล้วเกือบ 90 ปีจริงๆ

ทุกสิ่งดูจะแปลกประหลาดยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ก้าวออกมาจากอพาร์ทเมนท์ รอบตัวเขาประกอบไปด้วยเด็กชายอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบที่กำลังยืดแขนหยอกล้อกับเด็กผู้หญิงอายุไม่ต่างกันที่มีสามตา และเพื่อนผู้ชายอีกคนที่สามารถบินได้ เป้ที่สะพายอยู่บ่งบอกว่าเด็กพวกนี้กำลังเดินทางไปโรงเรียนกัน นักธุรกิจหนุ่มสองคนที่กำลังเดินคุยกัน โดยที่นักธุรกิจคนหนึ่งมีไฟลุกอยู่ท่วมตัว หรือถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะบอกว่าเขาสามารถปล่อยไฟออกมาจากตัวได้มากกว่า หญิงสาวผิวดำที่กำลังเหาะอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ทันนัดหมาย ธิดาช้างที่มีปีกอยู่ข้างหลัง และผู้คนประหลาดๆมากมาย เพียงแค่มองก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาคือมนุษย์กลายพันธุ์ แต่เพราะอะไรกัน แม้ปัจจุบันเหล่ามิวแทนท์จะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีมิวแทนท์มากมายขนาดนี้ออกมาเดินสบายอารมณ์ในเขตชุมชน ยิ่งการเข้าเรียนโรงเรียนปกติ หรือทำงานเหมือนคนทั่วไปยิ่งเป็นไปได้ยากใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่

“โย่ พวกเรา นั่นเขานี่” เด็กชายที่ยืดแขนได้ ชี้ให้เพื่อนของเขามาดู Steve Rogers

เด็กทั้งสามจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงราวกับกำลังมองตำนานที่มีชีวิตอยู่ Steve หันมามองเด็กทั้งสามอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร

ฉากถูกตัดมาที่ Hartford, Connecticut Cyclops(Scott Summers) กำลังปิ้งขนมปัง และชงกาแฟสำหรับมื้อเช้าอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นแค่เพียงบ้านพักอาศัยธรรมดาๆ มากกว่าจะเป็นฐานทัพของพวก X-MEN ตัวของ Scott เองก็ไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบพร้อมรบเหมือนอย่างปกติ เขากลับสวมเสื้อเชิ้ต ผูกเน็กไทเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไปที่ทำมาหาเลี้ยงชีพตามปกติ

“อันดับหนึ่งใน Box Office สัปดาห์นี้ได้แก่ ผู้หญิง 5 บาปสอง(เอ่อ ที่จริงมันชื่อเรื่อง Funny Valentine) นำแสดงโดยสุดยอดขวัญใจชาวอเมริกัน Mary Jane Watson ครับ เธอยังคงทำลายสถิ....” เสียงจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้ดังแทรกเข้ามา

“อรุณสวัสจ๊ะ Scott นี่ชั้นเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ขอโทษด้วยนะ” Emma Frost ภรรยาคนปัจจุบันของเขาเดินออกมาทักทายในสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน สภาพชุดนอนที่หลุดลุ่ย เผยให้เห็นเนินอก และต้นขาอันงดงามของเจ้าหล่อน

“อย่ากังวลไปเลย ก็คุณเหนื่อยมากนี่นา” Scott หันไปตอบศรีภรรยา

“นี่คุณ Summers ชั้นอ่านความคิดคุณได้นะ ชั้นรู้ว่าคุณโกหก ไว้ชั้นจะชดเชยให้ละกัน (เฮ้ย คุยอะไรกัน)” Emma ตอบพลางใช้มืออันบอบบางจับไปที่เน็กไทของสามีสุดที่รัก

หลังจากหยอกล้อกันอีกเล็กน้อย Emma ก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องงานของเธอที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กมีปัญหา โดยในวันนี้เธอต้องพบกับเด็กน้อยจากครอบครัว Richards ที่พ่อแม่ซึ่งเป็นนักบินอวกาศได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป (หมายความว่า Reed Richards กับ Susan Storm แห่ง The Fantastic Four เสียชีวิตแล้วอย่างนั้นเหรอ)

ภายนอกหน้าต่างบ้านของคู่รักทั้งสอง เราสามารถมองเห็นหุ่น Sentinels ที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์บินตรวจตราสภาพบ้านเมือง ราวกับเป็นเรื่องปกติ

ณ.ห้องส่งของรายการ Talk Show ชื่อดัง “Alison” Dazzler(Alison Blaire) มิวแทนท์ผู้สามารถเปลี่ยนเสียงให้เป็นแสงได้ พิธีกรชื่อดังประจำรายการกำลังแนะนำแขกรับเชิญสุดฮอตสำหรับเช้านี้ให้ผู้ชมทางบ้าน และในห้องส่งซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งนั้น ซึ่งแขกรับเชิญก็คือ

Wonder Man(Simon Williams) ดาราชื่อดังจากซีรี่ย์สุดฮิต “รักแห่งสยาม เดอะซีรี่”(ที่จริงชื่อเรื่อง Me and Mine) Simon ปรากฏตัวอย่างอลังการ โดยการปล่อยอนุภาค GN สีแดงออกมา ก่อนจะกลายเป็นร่างของเขานั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาข้างพิธีกร เมื่อเขามาถึงก็ถูกพิธีกรสาวถามถึงเรื่องวิดีโอคลิปหลุดของเขากับ Ms.Marvel(Carol Susan Jane Danvers)ทันที โดยไม่สนว่าหลังรายการเธออาจถูกฟันศอกเอาได้ (ที่จริงก็แค่ถามความสัมพันธ์กันธรรมดาแหละ)

“เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก” Simon ลอกคำตอบดาราชายไทยมา

“แหม เธอก็แค่เป็น Super Hero ที่ดังที่สุดในอเมริกาเท่านั้นเอง แถมเธอยังไม่ใช่....คุณก็รู้นี่ ด้วยซ้ำ”Alison แกล้งประชดผู้ร่วมรายการ

แน่นอนเมื่อเกริ่นนำขนาดนี้ ฉากต่อไปก็ถูกตัดไปยัง Carol Danvers ซึ่งกลายเป็น Super Hero ที่โด่งดังที่สุดในประเทศไปแล้ว ภายใต้ชื่อ Captain Marvel ระหว่างที่ฮีโร่สาวกำลังบินตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่นั้น เราสามารถมองเห็นมนุษย์กลายพันธุ์นักธุรกิจกำลังถือกระเป๋าเอกสาร เหาะไปทำงาน หรือคุณแม่บ้านตัวอ้วน กำลังเหาะไปส่งลูกที่โรงเรียน

ทันใดนั้นฮีโร่สาวก็สังเกตเห็น โจรมิวแทนท์สองคนกำลังขับรถหลบหนีการจับกุมของตำรวจอยู่ เธอโฉบลงไปหยุดรถของโจรร้ายอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะจับรถทั้งคันเขวี้ยงห่างออกไปหลายไมล์ เจ้าโจรคนหนึ่ง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือ Gambit (Remy LeBeau) ยังไม่ยอมแพ้ พยายามขว้างไพ่ที่อัดพลัง Kinetic ของเขาเข้าใส่ฮีโร่ชื่อดัง ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ และเขาก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย (ทำไมมันกากแบบนี้ แฟนๆของเขาคงต้องทำใจหน่อย)

และแล้วฮีโร่สาวก็บินจากไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจมาเก็บกวาดต่อ ซึ่งบริเวณที่ Gambit นอนสลบอยู่นั้น เป็นลานสนามหญ้าขนาดกว้าง ตรงกลางมือรูปปั้นศีรษะหุ่น Sentinels ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ราวกับเป็นอนุสรณ์อะไรซักอย่าง ที่ป้ายด้านล่างมีข้อความเขียนว่า “เลือดของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ไหลรินที่นี่ จะเป็นเลือดหยดสุดท้ายที่จะเสียให้กับสงคราม”

ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าฮีโร่คนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ปกติ หรือมนุษย์กลายพันธุ์ที่เรารู้จักกันดี ต่างก็ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เราเคยรู้จักกันทุกคน โดยที่เขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับรูปแบบชีวิตของตนแต่อย่างใด

Kitty Pryde เธอกำลังสอนหนังสือให้เด็กๆในชั้นเรียนซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งนั้น เธอกำลังสอนนักเรียนเรื่องที่ Prince Namor(หน้าหม้อ) ถูกขนานนามว่าเป็นมิวแทนท์คนแรกของโลก

Luke Cage บัดนี้ได้กลายเป็นผู้นำแก๊งมนุษย์อันธพาล และก่อการร้ายใต้ดินที่มีอิทธิพลสูงสุด ซึ่งตั้งอยู่ ณ. Hell’s Kitchen ในมหานคร New York แก๊งของเขาประกอบไปด้วยเหล่ามนุษย์และยอดมนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งดูเหมือนในโลกที่แปลกประหลาดใบนี้มนุษย์ธรรมดาจะถูกเรียกว่า Sapiens(ก็มาจาก Homo Sapiens นั่นแหละ) อันได้แก่ Moon Knight (Marc Spector), Black Cat (Felicia Hardy), Iron Fist (Daniel Rand), Robert Bob Diamond, Misty Knight, White Tiger (Angela Del Toro), Cloak(Tyrone Johnson) และสุดท้าย....... ทว่าทุกคนล้วนแล้วแต่งกายเสมือนหนึ่งพวกแก๊งอันธพาลทั่วไป และดูเหมือนจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มาก่อน

Falcon(Sam Snap Wilson) เองก็กลายเป็นนักสืบเอกชน ที่มาตามสืบเรื่องการถูกโค่นอำนาจของอดีตเจ้าพ่ออาชญากรรมอย่าง KingPin กับ Luke Cage

หมอแปลก(Dr. Stephen Vincent Strange) ก็ผันตัวเองจากหมอผีมาเป็นหมอโรคจิต และคนไข้ของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือตัวประกอบ Sentry(Robert Reynolds) ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นแค่คนธรรมดาที่มีปัญหาจิตตกเรื่องที่เขารู้สึกว่าตัวเองถูกความมืดไล่ตามอยู่ตลอดเวลา และยังคิดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีพลังพิเศษขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้ด้วย

Colossus (Piotr Nikolaievitch Rasputin) เป็นชาวนาอยู่ในรัสเซีย (แต่ไม่ยักเป็นเกย์แฮะ)

ส่วน Beast(Hank McCoy) และ Yellowjacket(Dr. Henry Pym) ก็กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทของ Iron Man(Anthony Edward Tony Stark) โดย Hank กำลังพยายามห้ามไม่ให้ Dr. Henry ทำการวิจัยเกี่ยวกับยีนที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ เพราะมันเหมือนเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักทฤษฎีเรื่องความสูงส่งกว่าของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ซึ่งตัว Tony เองซึ่งเป็นหนึ่งในพวก Sapiens(มนุษย์ธรรมดา) เพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในโลกใบนี้ คงไม่ยอมเสี่ยงที่จะถูกเพ่งเล็งจากพวก Mutant(มนุษย์กลายพันธุ์) เป็นแน่ พร้อมกับปลอบใจว่าเขาเข้าใจดีว่า Henry รู้สึกอย่างไร ที่ต้องรับรู้ว่า อีกเพียง 2-3 ชั่วคน พวก Sapiens ก็จะค่อยๆสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ และโลกก็จะถูกแทนที่ด้วยพวก Mutant อย่างสมบูรณ์!!!

Storm (Ororo Iqadi T'Challa นามสกุลใหม่ตามสามี) สาวผิวสีแห่งทีม X-MEN ผู้ที่สามารถสั่งฟ้าสั่งฝนได้ ดูจะได้ดิบได้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะเธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่ง Kenyan โดยเราจะได้เห็นเธอกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่กับ Wasp(Janet van Dyne) ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังไปเสียแล้ว เพื่อที่จะหาชุดใส่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์ Magnus (House of Magnus)??? ราชวงศ์ Magnus? คืออะไรกัน มีความเกี่ยวสัมพันธ์อะไรกับ Magneto (Erik Magnus Lehnsherr) กันแน่?

ฉากสุดท้าย เราจะได้เห็นชายลึกลับผู้มีผมเผ้ายาวรกรุงรัง ดวงตาฉายแววป่าเถื่อนสภาพไม่ต่างไปจากสัตว์ร้าย กำลังถูกจับทดลองอยู่ในหลอดแก้ว ที่บรรจุของเหลวสีแปลกตาอยู่ สักพักชายลึกลับดังกล่าวก็สามารถพังหลอดแก้วออกมาได้ พร้อมกับตะโกนเสียงดังกึกก้อง เล็บเหล็กAdamantium อันแหลมคงที่ฝังไว้ที่แขนทั้งสองข้าง ทำให้เราสามารถจดจำได้ทันที่ว่าเขาก็คือ Wolverine!!! นั่นเอง

Wolverine สะดุ้งตื่นขึ้น ผมเผ้าของบุรุษผู้มีสัมผัสเฉียบคมราวสัตว์ป่ายังคงเรียบร้อยดีอยู่(ในแบบของเขา) หาได้ยาวรกรุงรังดังภาพที่เราเห็นเมื่อครู่ไม่ เสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับกางเกงลายทหารที่เจ้าตัวใส่อยู่ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าความฝันเมื่อครู่คือเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ James” เสียงหวานแหววของสตรีปริศนา ผู้มีผมสียาวแดงฉานและใบหน้าไม่ต่างไปจาก Jean Grey เมียเก่า Cyclops นางในดวงใจเพียงคนเดียวของเขาดังขึ้น ด้วยจิตใต้สำนึกที่บอกกับตัวเองว่าสตรีสุดเซ็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีทางที่จะเป็น Jean Grey ไปได้เพราะเธอได้จากไปนานแล้ว Wolverine จึงพุ่งเข้าใส่สตรีลึกลับคนดังกล่าว พร้อมกับกางเล็บเหล็กอันแข็งแกร่งเพื่อขมขู่สตรีปริศนาให้ตอบเขามาทันที ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

แต่เขากลับต้องยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เมื่อสตรีคนดังกล่าวกลับเปลี่ยนร่างกลายเป็น Mystique (Raven Darkholme) มนุษย์กลายพันธุ์สาวลึกลับ ผู้สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามใจชอบนั่นเอง “เมื่อคืนไม่เห็นคุณว่าอะไรเลยนี่ นั่นมันแม่สาวผมแดงคนโปรดของคุณนะ” Mystique บ่นกับ Wolverine ด้วยสีหน้าแสดงความหงุดหงิดและประหลาดใจเล็กน้อย เธอพูดราวกับว่าเธอและเขาเป็นคู่รักที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมานานแล้วอย่างนั้นแหละ (มีแฟนเป็น Mystique นี่แหล่มจริงๆแหละ อยากได้ใคร เธอจัดให้ได้หมด อิอิ)

เพื่อต้องการเวลาตั้งสติ บุรุษผู้เป็นลูกรักของ Marvel จึงรีบลุกหนีออกจากห้องอย่างกับคนเสียสติ ระหว่างทาง เขาพบกับ Toad (Mortimer Toynbee) อดีตมิวแทนท์วายร้ายสุดกระจอก และ Spider-Woman (Jessica Drew) สมาชิก New Avengers รุ่นปัจจุบันผู้มีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบที่ดูคล้ายกับทหารประจำสำนักพระราชวังของราชวงศ์ชั้นสูงในแถบยุโรป ประดับประดาด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากแต่ชุดดังกล่าวดูคล่องตัวและทันสมัยกว่ามาก ทั้งสองคนกล่าวคำทักทายเขา ด้วยท่าทางเคารพราวกับว่าเขาคือผู้บัญชาการระดับสูง

เรื่องทั้งหมดทำให้ Wolverine ของเรายิ่งหัวหมุนหนักเข้าไปใหญ่ ถึงกับวิ่งตาลีตาเหลือกไปยังบานประตูที่มีแสงสาดส่องออกมา เพื่อที่จะหนีไปให้พ้นจากที่แห่งนี้ ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา กลับการเป็นฝูงบินรบขนาดมหึมา ประกอบไปด้วยเครื่องบินจำนวนนับไม่ถ้วน และหุ่น Sentinels รุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่ง และขาของเขาเองตอนนี้ก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนทรณี แต่กลับอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้าขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนจะเป็นฐานทัพของฝูงบินรบเหล่านี้ ทั้งตัวฐานทัพลอยฟ้าและเหล่าฝูงบินต่างติดธงที่มีสัญลักษณ์คล้ายตัว M ซึ่งในตอนนั้น Wolverine ยังมิอาจล่วงรู้ว่านั่นคือธงสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ Magnus หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ House of M!!!

SPOILER!!! House of M#1/8 – M Change the World

เปิดฉากมาที่หญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งกำลังส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เหงื่อไหลแตกซ่านไปทั้งกายา มือข้างหนึ่งกุมผ้าปูที่นอนสีแดงสดไว้แน่น ในขณะที่มืออีกข้างถูกมือลึกลับของบุรุษปริศนากุมเอาไว้ “จวนจะเสร็จแล้ว.....” บุรุษนิรนามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่าบนใบหน้ากลับถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมากไม่แตกต่างไปจากหญิงสาวสักเท่าไหร่ “โอ้ว พระเจ้า!!!!” ฝ่ายหญิงสาวเริ่มส่งเสียงร้องอย่างทรมานแต่แฝงไปด้วยความพึงพอใจ เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเอามือล้วงไปยังบริเวณหว่างขาทั้งสองข้างของเธอ เผยให้เห็นวัตถุลึกลับสีดำฟูฟ่องที่กำลังผุดออกมา ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างราวกับผีจูออน

“เป็นฝาแฝด! Wanda คุณได้ให้กำเนิดเด็กฝาแฝดที่แข็งแรงและน่ารัก” หมอแปลก (Dr.Strange) ที่เปลี่ยนอาชีพจากหมอผีมาเป็นหมอตำแยเอ่ยปากบอกแก่ Wanda Maximoff (Scarlet Witch) อดีตสมาชิกอเวนเจอร์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นคุณแม่คนใหม่แล้ว ในขณะที่สายตาของหมอยังคงจ้องมองเห็ดที่ดึงไม่ออกของทารกทั้งสอง

“นี่คือวันแห่งความภาคภูมิใจ” True Vision สามีประดิษฐ์ของเธอกระซิบบอก ในขณะที่ยืนทำมุมอซิมุทกับขอบเตียง รอบกายของ Wanda ต่างถูกห้อมรอบไปด้วยบรรดาญาติและมิตรสหายมากหน้าหลายตา สีหน้าของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี ทุกคนร่วมยินดีกับเธอซึ่งยังคงนอนอยู่บนเตียงอันหรูหรา บรรยากาศโดยรอบช่างน่าอัศจรรย์ราวกับอยู่ในแดนนิรมิต

“ทำทุกอย่างให้กลับเป็นเหมือนเดิมซะ” เสียงที่เยือกเย็นและห่างไกลราวกับถูกส่งผ่านมาจากคนละโลกดังขึ้น ในขณะที่ Wanda ยังคงโอบกอดลูกน้อยทั้งสองไว้ เมื่อเจ้าหล่อนหันไปตามทิศทางของเสียง ก็ต้องพบกับร่างของชายวัยกลางคนท่าทางไร้เรี่ยวแรงกำลังนั่งอยู่บนรถเข็น ด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงที่สาดส่องผ่านแผ่นหลังของเขาผู้ซึ่งยังคงนั่งนิ่งบนรถเข็นอยู่ริมระเบียงของตัวตึก เราจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ถนัดนัก แม้ภายนอกจะดูเหมือนชายพิการธรรมดาๆที่ไร้พิษสง แต่น้ำเสียงของเขากลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจ และสร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกคนได้แม้เพียงจ้องมอง

ชายคนดังกล่าวค่อยๆขยับรถเข็นเพื่อเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ Wanda มากขึ้น เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง มือทั้งสองโอบกอดลูกน้อยไว้แน่น สีหน้ามีแววตกตะลึง รอบกายยังคงถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าบุคคลที่เธอรัก ทุกสายตาต่างจ้องมองมายังชายพิการคนดังกล่าว ซึ่งเคลื่อนตัวข้ามาใกล้พอจนเราทุกคนสามารถที่จะเห็นใบหน้าของเขาได้แล้ว

“Wanda เราคุยกันแล้วนะ ทำทุกอย่างให้กลับเป็นอย่างเดิมซะ คุณไม่เคยมีลูก ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ นอกจากคุณกับผมเท่านั้น” ชายพิการซึ่งความจริงแล้วก็คือ Professor Charles Xavier บิดาผู้ให้กำเนิดเหล่า X-Men บุรุษผู้ครอบครองพลังจิตที่กล้าแกร่งที่สุดในผืนพิภพ ยื่นคำขาดแก่แม่มดสาว

“ไม่นะ ไม่! ดูสิ นี่ไงลูกๆที่น่ารักของชั้น” แม่มดสาวยังคงพยายามเถียงอย่างสิ้นหวัง

“คุณไม่สามารถมีลูกได้ คุณไม่เคย หยุดใช้พลังมิวแทนท์แบบผิดๆ แล้วทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิมซะ นี่มีแต่จะทำร้ายตัวคุณเอง” Professor X ยังคงยืนกรานคำพูดเดิม

“ไม่!” จอมเวทย์สาวร้องตะโกน โดยมีทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยกเว้นเพียงตัว Professor X ร่วมร้องตะโกนไปกับเธอด้วย แม้แต่ทารกแฝดทั้งสองก็แผดเสียงร้องอย่างน่ากลัว ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับปีศาจร้าย น้ำตาไหลนองหน้าแม่มดสาว ฉับพลันบรรยากาศรอบตัวของ Wanda ไม่เว้นแม้แต่บรรดาเหล่าญาติมิตรที่เธอรักก็แตกกระจายหายไปราวกับเศษกระจกที่ถูกทุบทิ้ง

ห้องนอนที่ถูกประดับประดาอย่างหรูหราได้มลายหายไปหมดสิ้น เตียงโทรมๆและซากปรักหักพังแห่ง Genosha สถานที่ที่เคยเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพเหล่ามิวแทนท์กลับปรากฏขึ้นมาแทน ภายนอกซากตึกอันทรุดโทรม เรายังสามารถมองเห็นรูปปั้น Sentinels ซึ่งถูกทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ของวันแห่งหายนะ ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่เต็มห้องเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้แต่เพียงตัวของ Wanda ที่นอนร้องไห้อยู่กับพื้นราวกับจะขาดใจตาย โดยมี Professor X นั่งมองดูด้วยความเวทนา

“โอ้ว พระเจ้า ช...ชั้นฆ่าพวกเขา ชั้นทำลายอเวนเจอร์ ชั้นฆ่าสามีตัวเอง” อดีตจอมเวทย์สาวผู้ยิ่งใหญ่แห่งกลุ่มอเวนเจอร์ส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน จน Charles Xavier ต้องเข้ามาปลอบใจไว้ ทว่าในใจของเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

บทนำ Avengers

“และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ไม่เหมือนวันไหนๆ เมื่อเหล่าผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกต้องผนึกกำลังกันต่อกรกับภัยคุกคามร่วม ณ. วันนั้นเอง Avengers ได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อรับมือกับอริร้ายที่ผู้กล้าเพียงคนเดียวมิอาจจะต้านทานได้”

บทนำ X-MEN

“ถือกำเนิดมาพร้อมกับพลังอันสุดแสนพิสดาร เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่รู้จักกันในนาม X-MEN ได้ใช้พรสวรรค์อันแสนวิเศษของพวกเขา เข้าปกป้องโลกที่เกลียดชังและหวาดกลัวพวกเขาใบนี้ไว้”

ความเดิมจาก X-MEN

“Professor Charles Xavier บิดาของเหล่า X-MEN ผู้ยิ่งใหญ่ บุรุษผู้เฝ้าฝันถึงวันที่เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์และมนุษยชาติจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ ได้เดินทางมายัง Genosha ด้วยจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่ที่จะบูรณะดินแดนของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์แห่งนี้ขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านแห่งความหายนะให้จงได้”

ความเดิมจาก Avengers

มันคือวันที่เลวร้ายที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของเหล่าอเวนเจอร์ Scarlet Witch ผู้เสียสติจากการสูญเสียความสามารถในการควบคุมพลังในการเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงของเธอ ได้ก่อหายนะอันเป็นเหตุให้ บรรดาสมาชิกอเวนเจอร์ผู้เป็นที่รัก Hawkeye, Ant-Man และ Vision ต้องจบชีวิตลง สมาชิกที่เหลือต่างบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ

นั่นคือเรื่องเมื่อ 6 เดือนก่อน บัดนี้ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของHouse of M!!!

ณ.Genosha สถานที่ซึ่งเคยเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่ามิวแทนท์ Charles Xavier กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่บนรถเข็นคู่ใจ เขานั่งนิ่งไม่ไหวตึงอยู่บนซากตึกหลังหนึ่ง สายตาของเขาทอดยาวออกไปยังบรรดาซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างนับร้อยที่เรียงรายอยู่สุดลูกตา ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของดินแดนแห่งนี้แต่ครั้นอดีตได้เป็นอย่างดี ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ฝูงนกนับร้อยที่กำลังบินกลับรัง เหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่ยังคงสถิตอยู่ ณ.ที่แห่งนี้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม ผมได้ยินเธอกรีดร้อง”ความเงียบสงบก็ถูกขัดจังหวะโดย Magneto (Erik Magnus Lehnsherr) ผู้ซึ่งเดินเข้ามาถามไถ่ถึงอาการของลูกสาวสุดที่รักของตนอย่างคนสิ้นหวัง เขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือสภาพของอดีตมหาวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว เบื้องหน้าของ Charles Xavier กลับมีเพียงชายวัยกลางคนผู้แต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าโทรมๆ ผมเผ้าและหนวดเคราที่รกรุงรัง แสดงถึงความขาดการเอาใจใส่ในร่างกายตัวเอง

“เราจะเอาแต่ใช้ยา กับพลังจิตบังคับให้เธอนอนหลับต่อไปไม่ได้แล้ว มันช่างไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย มันเสี่ยงมาก และมันก็แทบจะไม่ได้ผลเลยด้วย” Professor X กล่าวในขณะที่กำลังใช้ผ้าเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมา(เพราะใช้พลังเกินขีดจำกัดของตัวเอง อย่าคิดลึก) ด้วยท่าทีที่นิ่งเงียบไปของอดีตเพื่อน/ศัตรู ทำให้ Charles สามารถเดาได้อย่างไม่ยากเย็นว่า Erik Magnus กำลังโทษตัวเองอยู่สำหรับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังจิตในการช่วยอ่านความคิดเลย

“มันช่วยไม่ได้นี่ Charles ผมทำให้ลูกๆต้องทนทุกข์ราวกับตกนรกเพียงเพราะสิ่งที่ผมเชื่อ ผมทำลายทุกอย่างที่พวกเขาเคยหวังเอาไว้ เพียงเพื่อสงครามของผมกับเหล่ามนุษยชาติ ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และสูญเสียลูกๆของผมไป ผมเคยเตรียมใจที่จะเสียสละพวกเขาเอาไว้แล้ว แต่ผมไม่คิดว่ามันจะลงเอยแบบนี้ และการเสียสละนั่นก็ช่างสูญเปล่าเหลือเกิน หลายคนกำลังคิดว่าผมสมควรได้รับผลกรรมแบบนี้อยู่แน่ๆ” อดีตมิวแทนท์หัวรุนแรงเปิดใจกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะใช้เพียงเท้าเปล่าเดินย่ำลงไปบนผืนนภาราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นพรมนิ่มๆ ผ่านซากหมู่ตึกนับร้อยหายลับไป

“ก็อาจจะใช่ แต่เธอไม่แน่ๆ (ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าต้องการจะบอกว่า Wanda ไม่เคยคิดว่า Magneto ควรได้รับผลแบบนี้หรือจะบอกว่าเธอไม่ควรโดนแบบนี้กันแน่ )” Charles เอ่ยขึ้นในขณะที่เพื่อนรักได้เดินจากไปไกล เกินกว่าจะได้ยินแล้ว

ตัดมายังมหานครแห่ง New York อดีตสมาชิกทีมอเวนเจอร์เก่าอันประกอบไปด้วย Ms.Marvel(Carol Susan Jane Danvers), Wonder Man(Simon Williams) และ Falcon(Sam Snap Wilson) ต่างมารวมตัวกันตามคำเชิญของ Tony Stark ทั้งสามแต่งตัวเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป และเดินปะปนไปกับชาวเมืองโดยไม่เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด

“นั่นนะเหรอ อเวนเจอร์แมนชั่นหลังใหม่” Ms.Marvel(รู้สึกช่วงนี้ยังใช่ชื่อว่า WarBird อยู่มั้ง) เอ่ยขณะแหงนหน้ามองตึก Stark Tower อันใหญ่โต ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางมหานครแห่งนี้

“แปลกใจจัง พวกเขาจะเชิญพวกเราที่เป็นสมาชิกทีมเก่ามาทำไมนะ” Wonder Man กล่าวขณะเงยหน้ามองตึกอันใหญ่โตที่เป็นจุดหมายเช่นกัน

“บางทีพวกเขาอาจอยากบอกเราว่า อย่ามายุ่งกับทีมใหม่นี่เป็นการส่วนตัวก็ได้” Ms.Marvel ประชดขึ้น

“พวกเขาไม่ได้ไล่พวกเรา พวกเราเลือกที่จะออกเองต่างหาก” Falcon ท้วง

“พวกเราต้องออก หลังจากถูกพวกเขาดึงปลั๊กนะสิ” Ms.Marvel โต้ตอบอดีตเพื่อนร่วมทีม

ทว่าไม่ว่าทั้งสามจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันก้าวเข้าไปยังตึกที่อาจเรียกได้ว่าทันสมัยที่สุดในมหานครแห่งนี้ก็ว่าได้ เครื่องสแกนยืนยันตัวตนของทั้งสาม ก่อนที่จะปล่อยให้ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุมส่วนตัวชั้นบนสุด Falcon เริ่มบ่นเรื่องที่โดนห้ามไม่ให้บินขึ้นไป แต่ Wonder Man ก็ตอบว่าตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าฐานทัพของอเวนเจอร์ใหม่อยู่ที่นี่ และพวกเขาก็อยากเก็บความลับนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในช่วงเวลาห่างกันไม่นานเท่าไหร่ ยาน Blackbird ซึ่งเป็นพาหนะคู่ใจของเหล่า X-Men ก็ได้ปรากฎตัวขึ้นเหนือน่านฟ้าของ ตึก Stark Tower ก่อนที่จะค่อยๆลงจอดบนดาดฟ้าของตึกอย่างนุ่มนวล สมกับที่ได้อดีตหัวหน้าภาคสนามของทีม ซึ่งบัดนี้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของเหล่า X-Men อย่างเต็มตัวเป็นคนขับ Beast หนึ่งในสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ X-Men และอดีตสมาชิก Avengers ถึงกับออกปากบ่นด้วยความอิจฉาเมื่อเห็นยาน Quinjet(พาหนะของกลุ่ม Avengers) ลำใหม่ที่จอดอยู่ก่อนแล้ว จน Kitty แซวว่าเขาทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงขี้อิจฉา

เหล่าสมาชิก Astonishing X-Men ทั้งหก ก้าวลงจากยานอย่างสง่างาม (จากซ้ายไปขวา) Beast(Hank McCoy) อสูรกายสีฟ้าอัจฉริยะ ผู้ผ่านการกลายพันธ์เพิ่มเติมมาแล้วถึง 2 ครั้ง, Emma Frost สตรีทรงเสน่ห์อดีตวายร้ายตัวฉกาจผู้มีพลังจิตสูงส่งเกือบเทียบเคียง Professor X และร่างกายที่สามารถเปลี่ยนเป็นเพชรได้ ซึ่งผันตัวเองจากชู้ทางใจของ Cyclops มาเป็นเมียหลวงและปกครองเหล่า X-Men ร่วมกัน, Cyclops(Scott Summers) ลูกศิษฐ์ก้นกุฏิของ Professor X ซึ่งขณะนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่า X-Men หลังจากร่วมมือกับอดีตชู้โกงมรดกบ้านอาจารย์ตัวเอง, Wolverine เด็กเส้นของ Marvel ที่ชอบหาเรื่องไปโผล่ในหนังสือเกือบทุกเล่มในค่าย ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็หันมาเพิ่มชั่วโมงบินให้ตัวเองโดยการรับจ็อบเป็นสมาชิก Avengers ทีมใหม่อีก ซึ่งขนาดเป็นแค่ลูกน้องในทีม X-Men เขาก็ยังอุตส่าห์โผล่มายืนเด่นกว่าหัวหน้าทีมได้, Shadowcat(Kitty Pryde) เอ่อ...ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เอาเป็นว่าเธอเป็นกิ๊กของ Colossus ที่เดินทะลุกำแพงได้ละกัน และคนสุดท้าย Colossus (Piotr Nikolaievitch Rasputin) บุรุษผู้สามารถเปลี่ยนผิวหนังตัวเองเป็นเหล็กกล้าได้ เขาเดินเคียงข้างมากับแฟนสาว Kitty ชนิดไม่ยอมห่าง เพราะชอบมีคนดันไปจำสับสนกับตัวเขาในจักรวาล Ultimate ว่าเขาเป็นเกย์ (ชุดเอ็งน่ะเกย์มาก)

“Logan ถ้านายรู้ว่าพวกอเวนเจอร์ของนายเรียกพวกเรามาทำไม ก็บอกมาซะ” Cyclops ผู้นำ X-Men ที่สามารถยิงแสง Cero ออกจากตาได้หันไปสั่งไอ้ลูกน้องเสื้อเหลืองที่ชอบทำตัวเด่นกว่าหัวหน้า

“เราก็มาถึงแล้ว รอไปอีกหน่อยไม่ได้รึไง” ไอ้วูฟหันไปดุหัวหน้าทีม

ก่อนที่จะเกิดศึกภายใน ทุกอย่างก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของ Emma Frost ที่อุทานด้วยความประหลาดใจ เพราะคนที่รอพบพวกเขาอยู่ไม่ได้มีแต่สมาชิกทีมอเวนเจอร์เท่านั้น

“X-MEN….” Charles Xavier กล่าวทักทายบรรดาอดีตศิษย์รักอย่างเรียบง่าย รอบกายของเขา หมอแปลก (Dr.Strange) จอมเวทย์สูงสุดของจักรวาล Marvel (เพราะมีคนเดียว) และ เหล่าสมาชิกทีมอเวนเจอร์ทั้งหน้าใหม่ และเก่าก็กำลังรอคอยการมาของพวกเขาอยู่บนห้อมประชุมที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะของมหาเศรษฐีชื่อดังอยู่ก่อนแล้ว (แต่ท่าทางเก้าอี้จะไม่ค่อยนิ่ม เพราะไม่ค่อยมีใครนั่งกันเลย)

จากซ้ายไปขวา

Yellowjacket(Dr. Henry Pym) สมาชิกตกอับรุ่นก่อตั้งของ Avengers เขาคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น, Captain America(Steve Rogers), Wasp(Janet van Dyne) พันธุ์เมียของ Henry, Ms. Marvel(Carol Susan Jane Danvers), Wonder Man (Simon Williams) บุรุษผู้ถูกหุ่นยนต์แย่งแฟน, Professor X(Charles Francis Xavier), Dr. Stephen Vincent Strange, Iron Man(Anthony Edward Tony Stark), Falcon(Sam Snap Wilson), Spider-Man(Peter Benjamin Parker), She-Hulk(Jennifer Susan Walters), Luke Cage ตัวละครเก่าเก็บ ที่เพิ่งถูกปัดฝุ่นนำมาใช้ใหม่ได้ไม่นาน แต่เท่ห์มาก, และสุดท้าย ไอ้ตัวหัวทองใส่ผ้าคลุมเลียนแบบ Superman นั่นคือ Sentry(Robert Reynolds)ฮีโร่จิตตก ตัวประกอบที่เก่งที่สุดในปฐพี ใบ้ให้ว่าตอนนี้ก็มีพวก Skrull แอบแฝงในกลุ่มนี้อย่างน้อย 1 คนแล้ว

Kitty โผเข้ากอดอดีตอาจารย์ด้วยความคิดถึง ในขณะที่ Cyclops แม้ดูท่าจะไม่ค่อยพอใจนัก เพราะพวกเขาได้ประกาศตัดขาดกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็เข้าไปจับมือทักทายกับอดีตผู้มีพระคุณ

“Emma นี่มันเรื่องอะไรกัน” Cyclops หัวหน้าทีม X-Men ที่ดังสู้ลูกน้องไม่ค่อยจะได้ ยังไม่ละความพยายามในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับมติที่ประชุม

“ให้ศาสตราจารย์เป็นคนเล่าเองจะดีกว่าน่า” กิ๊กใหม่ผู้สามารถอ่านความคิดคนอื่นได้ของ Cyclops หันมาดุ

“ที่ผมเรียกทุกท่านมาที่ New York นี้ก็เพื่อที่จะต้องการหารือในประเด็นที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” Charles Xavier เอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

“เราจำเป็นต้องตัดสินชะตาของ Wanda Maximoff”

ฉากถูกตัดกลับมายัง Genosha อีกครั้ง Quicksilver (Pietro Django Maximoff) บุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าแห่งแม่เหล็ก มนุษย์กลายพันธุ์ผู้มีความเร็วเหนือเสียง กำลังเฝ้ามองแฝดสาวผู้น้องที่ยังคงนอนสิ้นสติอย่างน่าเอน็จอนาถบนเตียงโทรมๆ ด้วยความสิ้นหวัง

“ลูกมาทำอะไรที่นี่ Pietro” Magneto ผู้ที่เพิ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยถามบุตรชายของเขา

“พวกเขาจะฆ่าเธอ ทั้ง Xavier พวก Avengers พวก X-MEN พวกเขากำลังประชุมกันอยู่ที่ New York ผมเพิ่งอยู่ที่นั่น พวกเขากำลังตกลงกันว่าจะฆ่าเธอ พวกเขาจะตัดสินใจว่าไม่มีทางอื่นแล้ว และพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อฆ่าเธอ น้องสาวของผม ลูกสาวของพ่อ” Pietro ตอบผู้เป็นบิดาด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“พวกเขาอาจทำถูกแล้วก็ได้” Magneto ตอบลูกชายด้วยเสียงสั่นเครือ Pietro ที่ได้ยินดังนั้นถึงกับตะโกนโหวกแหวกด้วยความเร็วสูง เกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับรู้สิ่งที่เขาพูดได้ จน Magneto เองต้องบอกให้เขาใจเย็นลง

“ผมสาบานกับตัวเองว่าจะคอยปกป้องเธอ ตอนแรกก็จากพ่อ และตอนนี้ก็จากพวกเขา พวก Avengers เคยเป็นครอบครัวของเรา แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะฆ่าเธอ และ...และพ่อก็เห็นด้วยกับพวกเขา” มิวแทนท์หนุ่มความเร็วสูงกล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้า ในใจแอบหวังว่าผู้เป็นบิดาจะสามารถช่วยน้องสาวเพียงคนเดียวของตนให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้

“แล้วแกจะให้พ่อทำยังไง” คำตอบที่แสนจะสิ้นหวังพลั่งพรูออกมาจากปากของผู้เป็นพ่อ

“พวกเขากำลังจะฆ่าเธอ” Pietro ยังคงพยายามดิ้นรนต่อไป โดยไม่ใส่ใจคำตอบของผู้ให้กำเนิด

“แล้วแกจะให้พ่อทำยังไง!!” Magneto เอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม มือทั้งสองกระชากคอเสื้อของบุตรชายเอาไว้แน่น

Pietro ผู้ซึ่งบัดนี้ไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกต่อไปแล้ว ทรุดตัวลงกับพื้นต่อหน้าผู้เป็นพ่อ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย สิ่งที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้มีแค่เพียงคอยอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนกว่าเหล่าอดีตมิตรสหายที่เคยไว้ใจกัน จะตัดสินใจเดินทางมาปลิดชีวิตเธอที่นี่เท่านั้นเองหรือ

Magneto ก้มมองบุตรชายด้วยความละอายใจ ก่อนที่จะหันเหลือบไปมองแฝดสาวผู้น้องที่ยังคงนอนไร้สติอยู่บนเตียงโทรมๆ ในห้องที่มืดและรกท่ามกลางกองซากปรักหักพังจำนวนมหาศาล ในใจของเขาขณะนี้กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทว่าความมืดได้บดบังจนเราไม่อาจจะสังเกตสีหน้าของเขาในขณะนี้ได้

“เอาเป็นว่า กำจัดเธอซะ” คำตอบที่เรียบง่ายแต่เย็นชาของ Emma Frost หนึ่งในผู้บัญชาการสูงสุดของเหล่า X-MEN ในขณะะนี้ ได้ทำลายบรรยากาศความเงียบ ของการประชุมตัดสินชะตาอดีตเพื่อนร่วมทีมที่แสนจะตึงเครียดนี้ เสียงคัดค้านมากมายดังขึ้นมาจากฝั่งสมาชิกอเวนเจอร์ ยกเว้นแต่ไอ้วูฟสมาชิกควบ 2 สถาบันขวัญใจหลายคน ที่พูดได้หน้าตาเฉยว่าควรกำจัดเธอซะ

“กำจัดเธอ เห็นเธอเป็นอะไร สุนัขตัวนึงรึไง” แม้แต่ Spider-man ผู้ซึ่งผู้เข้าร่วมกับทีมอเวนเจอร์ใหม่ได้ไม่นาน และไม่มีความผูกพันลึกซึ้งกับ Wanda ยังทนฟังข้อสรุปที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมนี้ไม่ได้

มาถึงจุดนี้ เราจะได้เห็นความงกของเจ้า Tony Stark ที่เชิญแขกมาเยอะแยะ แต่ดันไม่เตรียมเก้าอี้ไว้ให้พอนั่ง ซ้ำร้ายยังเลี้ยงแค่น้ำเปล่าอีก จน Wolverine ทนไม่ไหวต้องโทรไปสั่งพิซซ่ามากินเอง

ครั้นเมื่อได้รับเสียงคัดค้านมากมาย อดีต White Queen แห่ง Hellfire Club จึงหันไปถาม Professor X กับ หมอแปลก ถึงหนทางในการรักษา ซึ่ง Xavier ก็บอกว่าถ้ามีหนทาง เขาคงไม่เรียกประชุมแบบนี้แน่ๆ ส่วนหมอแปลกก็ตอบว่าในขณะนี้ไม่มีหนทางใดๆในเวทมนต์ศาสตร์ที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่เขากำลังค้นคว้าเพิ่มเติมอยู่

“นั้นไงล่ะ เขากำลังหาทางรักษาอยู่ ปล่อยให้คุณหมอทำหน้าที่ของเขาต่อไปเถอะ” Captain America พยายามเถียงข้างๆคูๆ

“และถ้าเผื่อคุณแม่มดเกิดรู้สึกเบื่อๆระหว่างนั้นขึ้นมาล่ะ ชั้นรู้จักกับ Charles มานานแล้ว ถ้าเขาบอกว่าไม่สามารถหยุดเธอได้อีกต่อไป นั่นก็แปลว่าเขาไม่สามารถหยุดเธอได้แล้วจริงๆ” Wolverine คัดค้าน

“มาโหวตกันดีมั้ย” Emma เสนอ

“เธอไม่ใช่พวก X-MEN เธอเป็นสมาชิกของ Avengers และพวกเรา Avengers บอกว่าไม่” Captain America คัดค้านอย่างเต็มที่

เมื่อได้ยินดังนั้น อดีตวายร้ายสาวทรงเสน่ห์ผู้ที่ได้รับการโหวตจากเวป IGN ให้ครองอันดับหนึ่ง ในการจัดอันดับโหวต top-ten สาวยอดนิยมในซีรี่ห์ X-MEN (เฉือนกับ Jean Greyที่ได้ที่สองไป สรุปก็คือ Cyclops มันคาบไปกินทั้งอันดับ 1-2 เลย) จึงเริ่มสาธยายว่ากรณีของ Wanda ถือเป็นภัยคุกคามจากมนุษย์กลายพันธุ์ และในฐานะ X-MEN พวกเธอได้อุทิศชีวิตเพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องดังกล่าว

“เราจัดการกับภัยคุกคามต่อมนุษย์กลายพันธุ์ ไม่ใช่ตัวมนุษย์กลายพันธุ์ นี่มันไม่ถูกต้อง” Kitty สมาชิกยาวนานของทีม X-MEN ผู้ซึ่งไม่เคยไว้ใจอดีตวายร้ายสาวกลับใจผู้นี้ เอ่ยคัดค้านขึ้น

ทว่า Emma ก็ยังคงแย้งว่า Wanda เป็นทั้งสองอย่าง หากประชาชีรู้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์เกิดคลั่งอาละวาด จนคร่าชีวิตเหล่าฮีโร่ที่พวกเขารักไป มีหวังความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ธรรมดากับมนุษย์กลายพันธ์ ได้ถอยหลังไปถึงยุคหินแน่ๆ เธอเอ่ยในขณะที่ก้มลงเอามือท้าวไปที่เก้าอี้ เผยให้เห็นร่องอกขนาดมหึมาที่ไปทำศัลยกรรมพลาสติกมา (ทำจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นนะเออ) โดยมีหนุ่มๆสมาชิก Avengers จ้องมองอย่างไม่ละสายตา ในขณะที่ Cyclops สามีของเธอยังต้องเมินหน้าหนี

การโต้แย้งยังคงดำเนินต่อไป

“’งั้น ถ้าผมเกิดควบคุมพลังตัวเองไม่ได้ขึ้นมา ผมก็หวังพึ่งพวกคุณให้ช่วยฆ่าผมได้สินะ” Spider-man ประชด

“ใช่ และชั้นก็หวังให้นายทำแบบเดียวกันกับฉัน” Wolverine ตอบอย่างหนักแน่น

“ศาสตราจารย์ ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณจะสนุกกับเรื่องแบบนี้” Cyclops ผู้นำคนปัจจุบันของเหล่า X-MEN หันไปต่อว่ากับอดีตอาจารย์ ที่เป็นสาเหตุให้ฮีโร่มาทะเลาะกัน พลางคิดในใจว่า เอาว่ะ ถึงตรูจะไม่ค่อยรู้จักไอ้พวกนี้ ก็หาเรื่องคุยกับอาจารย์ตรูเองก็ได้ฟ่ะ ตรูยังดีกว่าไอ้ Sentry ที่ยังไม่มีบทพูด แถมอยู่มุมจอตลอดเลยเฟ้ย

เมื่อเรื่องทั้งหมดไม่สามารถหาข้อสรุปได้ Wasp จึงเสนอให้ทุกคนไปพบกับ Wanda เพื่อถามความเห็นจากปากของเธอเอง โดยมี Charles และหมอแปลก ที่รับประกันว่า ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน น่าจะป้องกันทุกคนจากพลังของ Wanda ได้

“ผมคงไม่ได้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านสินะ” Spider-man พูดก่อนที่จะเตรียมเดินทางไป Genosha กัน

“ชั้นเกลียดที่นี่” Kitty Pryde รำพึงกับตัวเอง ขณะที่มองดูซากปรักหักพังแห่ง Genosha สุสานของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์กว่า 16 ล้านชีวิต จากบนยาน Blackbird

“สิ่งเดียวที่ชั้นคิด เมื่อชั้นได้เห็นภาพเหล่านี้ ก็คือนี่อาจเป็นสิ่งที่พวกมนุษย์ธรรมดาจะทำกับพวกเราก็ได้” เธอเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนที่ทุกคนจะเดินทางมาถึงที่หมาย

ทว่าทุกคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อเตียงนอนโทรมๆที่ควรจะมีร่างของแม่มดแดงนอนไร้สติอยู่ บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงเตียงว่างเปล่า และไม่มีแม้แต่เงาของ Magneto และ Quicksilver ให้เห็น ทุกคนเริ่มตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตของ Xavier หรือพลังเวทย์ของหมอแปลก ก็ไม่สามารถสัมผัสถึง Wanda ได้

“มีบางอย่างผิดปกติที่นี่ ศาสตราจารย์ คุณรู้สึกมั้ย” Emma ผู้มีพลังจิตเป็นรองก็แต่ Charles Xavier หันไปถามบิดาของเหล่า X-MEN

ทว่า Charles Xavier ที่เมื่อสักครู่ยังนั่งอยู่บนรถเข็น ท่ามกลางเหล่าฮีโร่มากมาย กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับถูกปีศาจลักซ่อน ทุกคนเริ่มใจไม่ดี และอยากรีบไปจากที่นี่กัน ทันใดนั้นเอง Emma ก็สัมผัสได้ถึงตัว Wanda ทุกคนจึงรีบหอบหิ้วสมาชิกที่บินไม่ได้ เดินทางกันไปอย่างทุลักทุเล (ทำไมไม่นั่งยาน) โดยมีตัวประกอบ Sentry เหาะตามมาอยู่เกือบสุดขอบหน้ากระดาษ และยังคงไม่มีบทพูด

“ฟังนะทุกคน ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองล่ะก็ พยายามบอกพวกเราก่อนที่จะสายเกินไป” Iron Man หันไปเตือนทุกคน เพราะตนรู้รสชาติความร้ายกาจของพลังในการบิดเบือนความจริงของแม่มดสาวดี

“Avengers ทำตามที่ Emma บอก พวกเรามีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มากกว่า” Cyclops ถือหางเมียตัวเอง

Emma นำทางทุกคนมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งยังคงอยู่บนเกาะ Genosha Spider-man เริ่มเตือนทุกคนว่า Spider-Sense ซึ่งจะคอยเตือนเมื่อมีอันตรายอยู่ใกล้ตัวของเขากำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นประตูบานหนึ่งของสถานที่ที่ Emma สัมผัสได้ถึง Wanda ก็เปิดออกด้วยพลังบางอย่าง ทุกคนจ้องมองอย่างระมัดระวัง มีแต่ Spider-man ที่ค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่าอยู่ๆก็มีแยม เอ้ย แสงสีขาวปริศนาค่อยๆสาดส่องขยายวงกว้างมายังกลุ่มของเหล่าผู้กล้า แสงนั่นค่อยๆดูดกลืนทุกสิ่งไปจนหมด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเช้าวันใหม่ Peter Parker ถูกเมียสุดที่รักปลุกให้ลุกจากเตียงขึ้นไปรับโทรศัพท์ หากแต่ว่าสาวข้างกายบนที่นอนของเขาหาใช่ Mary Jane Watson สาวผมแดงคนรู้ใจไม่ แต่ผมของเธอกลับเป็นสีบลอนด์ไม่ต่างไปจาก Gwen Stacy!!! คนรักเก่าของเขาที่จากไปเพราะเขาไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ ซ้ำร้ายตัว Peter เองก็กลับไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น

บัดนี้โลกที่พวกเขาเคยอยู่ ได้ถูกเขียนเรื่องราวขึ้นใหม่โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้สึกตัวเสียแล้ว.......................